วิวัฒนาการการใช้พลังงานของมนุษย์
มนุษย์รุ้จักรับประทานอาหารเพื่อให้เกิดพลังงงานสะสมในร่างกาย และนำพลังงานนั้นไปใช้ในการเคลื่อนไหวต่างๆ ต่อมาจึงได้รู้จักนำสัตว์มาฝึกเพื่อใช้แรงงานทำงานแทน พลังงานที่มนุษย์นำมาใช้ในยุคแรกๆ ได้แก่ พลังงานจากแรงงานมนุษย์และสัตว์ ต่อมามนุษย์ได้มีการพัฒนำพลังงานที่ได้จากธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น เช่น พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานความร้อนที่ได้จากการเผาไหม้ ไม้ ฟืน หรือถ่านหิน เมื่อมนุษย์มีวิวัฒนาการทางด้านวิชาการดีขึ้น สามารถค้นคว้า และนำพลังงานรูปแบบต่างๆ ที่ดีกว่ามาใช้ให้เกิดประโยชน์มากมาย เช่น พลังงานที่ได้จากน้ำมัน และแก๊สธรรมชาติ ซึ่งเป็นพลังงานปิโตรเลียม เพราะจะให้ประโยชน์และสะดวกต่อการใช้งานมาก จึงเป็นพลังงานที่นำมาใช้มากที่สุดในปัจจุบัน
วิวัฒนาการการค้นพบพลังงานกับการนำมาใช้นั้น มีความเป็นมาควบคู่กับความเจริญก้าวหน้าของอารยธรรมมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ได้แบ่งยุคสมัยของความเจริญทางอารยธรรมของมนุษย์ตามวิวัฒนาการในการใช้พลังงานดังนี้
ยุคเริ่มแรก (ยุคหินเก่า) มนุษย์ดำรงชีวิตแบบง่ายๆ อยู่ตามธรรมชาติ การใช้พลังงานต่อคนต่อวันมีเพียงการอาศัยความอบอุ่นจากแสงอาทิตย์ตามธรรมชาติ ซึ่งคิดเป็นพลังงานประมาณ 2,000 กิโลแคลอรีต่อคนต่อวันเท่านั้น
ยุคล่าสัตว์ (ยุคหินใหม่) มีการรวมกลุ่มกันล่าสัตว์ขนาดใหญ่ขึ้น รู้จักใช้ไฟล่าสัตว์ออกจากที่ซ่อน และทำเนื้อให้สุก การใช้พลังงานของคนในยุคนี้เพิ่มขึ้นราว 5,000 กิดลแคลอรีต่อคนต่อวัน
ยุคเกษตรกรรม เกิดขึ้นเมื่อราว 10,000 ปีมาแล้ว มนุษย์เริ่มรู้จักเลี้ยงสัตว์ และเพาะปลูกพืช ใช้สัตว์เป็นพาหนะ และทุ่นแรงในการทำงาน การเกษตรในยุคนี้มีจุดมุ่งหมายเพียงเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัว การใช้พลังงานจึงมีประมาณ 12,000 กิโลแคลอรีต่อคนต่อวัน
ยุคเกษตรกรรมก้าวหน้า เกิดขึ้นราว 5,000 ปีก่อนคริสตกาล มนุษย์เริ่มมีการตั้งถิ่นฐานอยู่กับที่ มีสังคมเมืองเกิดขึ้น เริ่มมีความรุ้ด้านการชลประทาน หรือการนำน้ำมาใช้ในการเพาะปลูกแทนการพึ่งพาน้ำฝนตามธรรมชาติการใช้พลังงานมีประมาณ 20,000 กิโลแคลอรีต่อวันต่อคน
ยุคอุตสาหกรรมเริ่มต้น นับตั้งแต่มีการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องจักรไอน้ำ ปี พ.ศ. 2308 มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้เชื้อเพลิงชนิดต่างๆ เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และแก๊สธรรมชาติ แทนการใช้แรงงานสัตว์ และการเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มขึ้นในยุโรปตะวันตก และอเมริกาเหนือก่อน อัตราการใช้พลังงานต่อคนในระยะนี้เพิ่มขึ้นราว 60,000 กิโลแคลอรีต่อคนต่อวัน
ยุคอุตสาหกรรมก้าวหน้า หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2457-2461 ) มนุษย์ใช้เชื้อเพลงประเภทน้ำมัน ถ่านหิน และแก๊สธรรมชาติมากขึ้น มีการประดิษฐ์เครื่องจักร เครื่องยนต์ และใช้เทคโนโลยีมากขึ้น การใช้พลังงานคนต่อโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาก สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วประมาณ 125,000 กิดลแคลอรีต่อคนต่อวัน โดยประชากรในสหรัฐอเมริกามีการบริโภคพลังงานสูงสุดคือราว 230,000 กิโลแคลอรีต่อคนต่อวัน
มนุษย์รุ้จักรับประทานอาหารเพื่อให้เกิดพลังงงานสะสมในร่างกาย และนำพลังงานนั้นไปใช้ในการเคลื่อนไหวต่างๆ ต่อมาจึงได้รู้จักนำสัตว์มาฝึกเพื่อใช้แรงงานทำงานแทน พลังงานที่มนุษย์นำมาใช้ในยุคแรกๆ ได้แก่ พลังงานจากแรงงานมนุษย์และสัตว์ ต่อมามนุษย์ได้มีการพัฒนำพลังงานที่ได้จากธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น เช่น พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานความร้อนที่ได้จากการเผาไหม้ ไม้ ฟืน หรือถ่านหิน เมื่อมนุษย์มีวิวัฒนาการทางด้านวิชาการดีขึ้น สามารถค้นคว้า และนำพลังงานรูปแบบต่างๆ ที่ดีกว่ามาใช้ให้เกิดประโยชน์มากมาย เช่น พลังงานที่ได้จากน้ำมัน และแก๊สธรรมชาติ ซึ่งเป็นพลังงานปิโตรเลียม เพราะจะให้ประโยชน์และสะดวกต่อการใช้งานมาก จึงเป็นพลังงานที่นำมาใช้มากที่สุดในปัจจุบัน
วิวัฒนาการการค้นพบพลังงานกับการนำมาใช้นั้น มีความเป็นมาควบคู่กับความเจริญก้าวหน้าของอารยธรรมมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ได้แบ่งยุคสมัยของความเจริญทางอารยธรรมของมนุษย์ตามวิวัฒนาการในการใช้พลังงานดังนี้
ยุคเริ่มแรก (ยุคหินเก่า) มนุษย์ดำรงชีวิตแบบง่ายๆ อยู่ตามธรรมชาติ การใช้พลังงานต่อคนต่อวันมีเพียงการอาศัยความอบอุ่นจากแสงอาทิตย์ตามธรรมชาติ ซึ่งคิดเป็นพลังงานประมาณ 2,000 กิโลแคลอรีต่อคนต่อวันเท่านั้น
ยุคล่าสัตว์ (ยุคหินใหม่) มีการรวมกลุ่มกันล่าสัตว์ขนาดใหญ่ขึ้น รู้จักใช้ไฟล่าสัตว์ออกจากที่ซ่อน และทำเนื้อให้สุก การใช้พลังงานของคนในยุคนี้เพิ่มขึ้นราว 5,000 กิดลแคลอรีต่อคนต่อวัน
ยุคเกษตรกรรม เกิดขึ้นเมื่อราว 10,000 ปีมาแล้ว มนุษย์เริ่มรู้จักเลี้ยงสัตว์ และเพาะปลูกพืช ใช้สัตว์เป็นพาหนะ และทุ่นแรงในการทำงาน การเกษตรในยุคนี้มีจุดมุ่งหมายเพียงเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัว การใช้พลังงานจึงมีประมาณ 12,000 กิโลแคลอรีต่อคนต่อวัน
ยุคเกษตรกรรมก้าวหน้า เกิดขึ้นราว 5,000 ปีก่อนคริสตกาล มนุษย์เริ่มมีการตั้งถิ่นฐานอยู่กับที่ มีสังคมเมืองเกิดขึ้น เริ่มมีความรุ้ด้านการชลประทาน หรือการนำน้ำมาใช้ในการเพาะปลูกแทนการพึ่งพาน้ำฝนตามธรรมชาติการใช้พลังงานมีประมาณ 20,000 กิโลแคลอรีต่อวันต่อคน
ยุคอุตสาหกรรมเริ่มต้น นับตั้งแต่มีการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องจักรไอน้ำ ปี พ.ศ. 2308 มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้เชื้อเพลิงชนิดต่างๆ เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และแก๊สธรรมชาติ แทนการใช้แรงงานสัตว์ และการเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มขึ้นในยุโรปตะวันตก และอเมริกาเหนือก่อน อัตราการใช้พลังงานต่อคนในระยะนี้เพิ่มขึ้นราว 60,000 กิโลแคลอรีต่อคนต่อวัน
ยุคอุตสาหกรรมก้าวหน้า หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2457-2461 ) มนุษย์ใช้เชื้อเพลงประเภทน้ำมัน ถ่านหิน และแก๊สธรรมชาติมากขึ้น มีการประดิษฐ์เครื่องจักร เครื่องยนต์ และใช้เทคโนโลยีมากขึ้น การใช้พลังงานคนต่อโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาก สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วประมาณ 125,000 กิดลแคลอรีต่อคนต่อวัน โดยประชากรในสหรัฐอเมริกามีการบริโภคพลังงานสูงสุดคือราว 230,000 กิโลแคลอรีต่อคนต่อวัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น